วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

Sing Buri ที่พักหลักร้อย สิงห์บุรี


Sing Buri ที่พักหลักร้อย สิงห์บุรี

"ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนช่อนแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง"

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าถึงเมืองสิงห์ถวายสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ไว้ในสาสน์สมเด็จว่า "...เมืองสิงห์บุรีเป็นเมืองใหญ่และเก่า มีป้อมปราการ วัง วัดมหาธาตุ และของสำคัญ คือ พระนอนจักรสีห์ ใหญ่ยาวกว่าพระนอนองค์อื่น ๆ ในเมืองไทย ทำเป็นแบบพระนอนอินเดียเหมือนเช่นที่ถ้ำคูหาภิมุข วัดคูหาภิมุข อำเภอเมืองยะลา คือ พระกรขวาศอกยื่นไปทางด้านหน้า ไม่ทำงอพระกรตั้งขึ้นรับพระเศียรแบบพระนอนไทย เมืองสิงห์เรียกชื่อต่าง ๆ ดังนี้ เมืองสิงหราชาธิราช เมืองสิงหราชา เป็นเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำจักรสีห์อันเป็นลำน้ำใหญ่ ห่างแม่น้ำเจ้าพระยา 200 เส้น เพราะแม่น้ำจักรสีห์ตื้นเขิน เมืองสิงห์จึงกลายเป็นเมืองอยู่ลับลี้..." ก็แสดงว่า สิงห์บุรีเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ มีอดีตยาวนาน จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า มีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณมาเป็นเวลานานหลายยุคหลายสมัย

บ้านบางระจัน เมืองสิงห์บุรี ซึ่งมีผู้นำสำคัญของชาวบ้านและปรากฏชื่อ คือ

พระอาจารย์ธรรมโชติ

นายแท่น

นายโชติ

นายอิน

นายเมือง

นายทองแก้ว

นายดอก

นายจันหนวดเขี้ยว

นายทองแสงใหญ่

นายทองเหม็น

ขุนสรรค์

พันเรือง

โดยชาวบ้านบางระจันได้ต่อสู้กับพม่าและสามารถเอาชนะกองทัพพม่าได้ถึง 7 ครั้ง จนถึงครั้งที่ 8 ชาวบ้านบางระจันจึงพ่ายแพ้ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309 รวมเวลาที่ไทยรบกับพม่าทั้งสิ้น 5 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน 4 ปลายปีระกา พ.ศ. 2308 ถึงเดือน 8 ปีจอ พ.ศ. 2309

เพลง

ศึก บางระจัน จำให้มั่นพี่น้องชาติไทย

เกียรติประวัติสร้างไว้

แด่ ชนชาติไทยรุ่นหลัง

แม้ ชีวิต ยอมอุทิศคราชาติอับปาง

เลือดไทย ต้องมาไหลหลั่ง

ทา ทั่วพื้นแผ่นดินทอง

ไทย คงเป็นไทย มิใช่ชาติเป็นเชลย

ไทย มิเคย ถอยร่นชนชาติศัตรู

บางระจัน แม้สิ้นอาวุธจะสู้

สองดาบฟาดฟันศัตรู สู้จน ชีพตนมลาย

ตัว ตาย ดีกว่าชาติตาย

เพียงเลือดหยาดสุดท้าย ขอให้ไทยคงอยู่

แดน ทอง ของไทยมิใช่ศัตรู

แม้ใครรุกรานต้องสู้ เพื่อกู้ แหลมถิ่นไทยงาม

ไม่มีความคิดเห็น: